Wednesday, September 27, 2006

Lunch After Proposal Presentation

This morning at 8.30, I had a proposal presentation on the topic of "A survey of errors on the OTOP labels". My paper is going to be done soon. After that, I went to the cantine to have lunch with my friends. Let's see my menu.

"Kraprao Plah Meuk, steamed egg, and rice" I like steamed egg the most!

"SomTam Thai Sai Poo" or "Papaya salad with pickled crabs and peanuts" This menu was very delicious, not too spicy. I like it.

"Lab PlaDuk" Oh, I cannot find a word in English, except Délicieux!!

"Yum Kai Tod" or "Spicy Fried Chicken Salad"

My friends and I often have some kinds of menu like this after the course. This is the last week for us. I do not know when I will have such a lunch there with friends again. I will finish my Master soon. Gambare!!

Monday, September 25, 2006

Wherever Love is...

I talked to my friend today about the booklet written by PraAjarn Mitsuo Kawesako. She asked me to talk more about this. I'm pleased to share the knowledge and the words from PraAjarn. Anyone who wants to read all of this book, just click on the LABELS: SUBSTANCE OF LIFE: LOVE AND MERCY below.
ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์

โรงครัวที่ไม่มีน้ำตาลเกลือ ไม่ใช่โรงครัว การปรุงอาหารให้อร่อย ต้องใช้น้ำตาล เกลือ ขาดน้ำตาล ขาดเกลือ รสชาติอาหารก็ไม่อร่อย น้ำตาล เกลือ จึงเป็นเครื่องปรุงอาหารที่สำคัญ ในเวลาเดียวกัน โทษของน้ำตาล เกลือ ก็มีมาก โรคเจ็บไข้ได้ป่วยของคนเราหลายโรคมีหลายสาเหตุมาจากการรับประทาน น้ำตาล เกลือ มากไป บางคนก็บอกว่า น้ำตาลมีแต่โทษ ไม่มีประโยชน์เลย แต่ร่างกายก็ต้องการน้ำตาลในปริมาณที่เหมาะสม

ชีวิตที่ปราศจากความรัก ไม่ใช่ชีวิต
สำคัญที่สุดในชีวิต คือ ความรัก
ความรักคือชีวิต ชีวิตคือความรัก
ความสุขของชีวิต เกิดจากความรัก
ความทุกข์ของชีวิต เกิดจากความรักเช่นกัน

Friday, September 22, 2006

Stephen Hawking

This evening, after I talked to my advisor at Chula, I went to Chula book store to find something for my book shelf and brain. Then I got this one "Stephen Hawking: A Life in Science. This book was lauched this month, so it's the newest. It is about the biography of Stephen Hawking, who wrote the best seller 'A Brief History of Time' and 'The Universe in a Nutshell'. He is physicist and a professor of Mathmatics at the University of Cambridge. I let Mr.1 read it first because he is really interested in science and his life. I will read it after finishing my paper, and review it later.

Soulmate: Right or Wrong

เนื้อคู่: คู่แท้หรือคู่เทียม

โดยส่วนใหญ่ชีวิตคู่มักเริ่มต้นด้วยดี มีทั้งความรัก ความสุข ช่วยกันประคับประคองชีวิตคู่ด้วยความพอใจของทั้งสองฝ่าย หลายคนมีชีวิตคู่ที่ราบรื่อนไปตลอดรอดฝั่ง แต่มีไม่น้อยที่ล้มเหลว บางคู่ต้องหย่ากัน บางคู่ถึงแม้ว่าอยู่ด้วยกัน แต่ความรัก ความสุขที่เคยให้กันไม่เหลือแม้แต่น้อย ก็ต้องทนอยู่ด้วยกันอย่างเป็นทุกข์

การใช้ชีวิตร่วมก้นของสามีภรรยาหลายๆ คู่ หากพิจารณาถึงการปฏิบัติต่อกันทั้งแง่กายกรรม วจีกรรมและมโนกรรมจะพบว่า ทางกายกรรม หมายถึง การกินด้วยกัน นอนด้วยกัน มีลูกด้วยกัน ทำงานร่วมกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน ถ้ามองจากภายนอกดูเหมือนเป็นคู่ที่มีความสุข รักใคร่ปองดองกันดีจนหลายๆ คนอาจจะรู้สึกอิจฉา แต่สำหรับเจ้าตัวจริงๆ แล้ว การปฏิบัติต่อกันในทางวจีกรรม มโนกรรม มีแต่ทะเลาะเบาะแว้งกัน โกรธกัน น้อยใจ เจ็บใจ มีแต่ความทุกข์ ไม่มีคำว่าสุข แต่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงแก้ไขอะไรได้ ก็ยังต้องอดทนอยู่ด้วยกัน

ชีวิตคู่ ที่เป็นเนื้อคู่กันประเภทนี้มีมาก คือชาตินี้แม้จะมีความผูกพันกันทางกายกรรม แต่ทางวจีกรรม มโนกรรม กลับเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ไม่ดีแก่กัน จึงดูเหมือนว่า ทางกายกรรมนั้นรักกัน โดยที่ความเป็นจริงแล้วต่างฝ่ายไม่มีความรู้สึกรักกันเลย แต่ในสถานภาพทางสังคมที่เป็นสามีภรรยากันต้องอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน ใช้ชีวิตร่วมกัน จะเดินทางไปไหนก็ยังต้องร่วมรถคันเดียวกันเป็นครอบครัว

สามีภรรยาที่มีปัญหาเช่นนี้ บางครั้งต่างคนต่างตั้งจิตอธิษฐานว่าชาติหน้าอย่าได้พบกันอีก ขอเจอชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย แต่ด้วยอุปาทานยึดมั่นถือมั่น ไม่ว่าจะรักกันหรือเกลียดกันก็ตาม ไม่ว่าจะด้วยความพอใจหรือไม่พอใจต่อกันอย่างไร ในทางมโนกรรม คือความรู้สึกนึกคิดที่มีต่อกัน จะเป็นการดึงเข้าหากันอยู่ตลอด ไม่ปล่อยวางจากกัน ดังนั้นจึงเป็นไปได้อย่างมากที่ บุคคลทั้งสองเมื่อต่างคนต่างตายจากกันในชาตินี้ ถ้าชาติหน้าเกิดมา โตเป็นหนุ่มเป็นสาวได้พบกันเมื่อไรก็เกิดอารมณ์รักที่รุนแรง มีความดีใจ พอใจที่ได้เจอกัน เพราะทางกายกรรมในอดีตชาตินั้น เคยใกล้ชิด ใช้ชีวิตร่วมกันมา เกิดมาในชาติใหม่จึงเป็นเนื้อคู่กันอีก ที่เคยทุกข์ โกรธเกลียดกันก็ลืมไป แต่คงต้องเรียกว่าเป็นเนื้อคู่เทียม เพราะเป็นเนื้อคู่ที่เป็นผลของกรรมเก่า คือกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรมที่สร้างร่วมกันมา ทำดีต่อกันบ้าง ทะเลาะกัน โกรธเกลียดกันบ้าง เป็นความรักที่หาความสุขแท้จริงไม่ได้ เพราะไม่ใช่เนื้อคู่แท้ที่ครองคู่กันด้วยความรัก ความเมตตา

ดังนั้น เมื่อต้องใช้ชีวิตคู่ด้วยกันในชาตินี้แล้ว สามีภรรยาจึงควรสร้างกรรมที่ดีต่อกัน ทั้งกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม แม้ว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้น ก็ควรรู้จักอดทน ปล่อยวาง ให้อภัยต่อกัน ถ้าทำได้ก็จะเป็นอานิสงส์ให้มีความสุขทั้งในชาตินี้และชาติหน้า

Life is Love

I love reading. I cannot remember how many books I have read uptil now, or how many books I have read this month. A booklet that I like most would be this one, written by PraAjarn Mitsuo Kawesako.

Substance of Life: Love and Mercy

สาระแห่งชีวิต คือรักและเมตตา


ชีวิตคือความรัก

ชีวิตที่ปราศจากความรัก ไม่ใช่ชีวิต

ความรักคืออาหารใจ

ความรักสร้างชีวิต

ความรักหล่อเลี้ยงจิตใจมนุษย์

พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า

สัตว์ทั้งหลายที่เราพบเห็น โดยเฉพาะมนุษย์ด้วยกันซึ่งเกิดมาพบกันในชาตินี้ ที่ไม่เคยเป็นพ่อแม่ ญาติพี่น้องกัน ในวัฏสงสารนั้นหายาก ในวัฏสงสารอันยาวนาน ในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน ดังนั้น ในการดำเนินชีวิตเราจึงไม่ควรประมาท สร้างศัตรู แบ่งพรรคแบ่งพวก ต่อสู้ แก่งแย่งชิงดีกัน แต่ควรที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และมีความเมตตากรุณาต่อสัตว์ทั้งหลาย โดยเฉพาะเมื่อเกิดมาในครอบครัวเดียวกัน เราควรมีความรัก มีเมตตา กรุณาต่อกัน ช่วยเหลือกเกื้อกูลกัน และพัฒนาชีวิตให้มีความสุข

ชีวิตคนเราในชาติหนึ่ง ต่างมุ่งแสวงหาหลายสิ่งหลายอย่าง ทั้งทรัพย์สมบัติ เกียรติยศ ชื่อเสียง ฯลฯ แต่ในที่สุด สิ่งที่มีคุณค่ามากที่สุดในชีวิตคือ ความรัก

ความรักที่หมายถึงความปรารถนาดี เอื้ออาทรต่อกัน ยอมรับได้ทุกสิ่งทุกอย่างในความเป็นเขา รักอย่างไม่มีเงื่อนไข เป็นมิตรภาพที่ยั่งยืน เป็นความรักที่มีแต่ให้ ให้ด้วยความพอใจ สุขใจ ชีวิตที่มีความรักเช่นนี้ ย่อมอบอุ่นใจ สบายใจ ถึงแม้ว่าตาย การตายด้วยความสบายใจ สุคติ

Thai Coup Aftermath

Many of Thai people are happy and enjoying the news of the coup. This is a picture of Thais wishing the army well and handing out fast food to the soldiers in gratitude that I got from bbc News. There was a lot of people to see tanks. People from other countries may think that this situation may not be safe, but I would say that more than half of Thai people wish this situation happens.

Get Out


Wednesday, September 20, 2006

Rebellion vs Coup d'Etat

การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไม่ว่าจะเป็นการเปลียนรัฐบาลหรือคณะผู้ปกครองหรือการเปลี่ยนกติการการปกครองหรือรัฐธรรมนูญ ย่อมเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในทุกประเทศปกติรัฐธรรมนูญของแต่ละประเทศย่อมกำหนดวิธีการเปลี่ยนแปลงไว้ เช่น ให้มีการเลือกตั้งทั่วไปทุก 4 ปี หรือ 5 ปี หรือเลือกประธานาธิบดีทุก 4 ปี หรือ 6 ปี
เพื่อให้โอกาสประชาชนติดสินใจว่าจะให้บุคคลใดหรือกลุ่มพรรคการเมืองใดได้เป็นผู้ปกครอง และกำหนดวิธีการเปลี่ยนแปลงหลักการหรือสาระของรัฐธรรมนูญหรือแม้กระทั่งสร้างรัฐธรรมนูญใหม่แทนฉบับเดิม
การเปลี่ยนแปลงตามกระบวณการดังกล่าวข้างต้นถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงโดยสันติวิธี และเป็นวิถีการที่ถูกต้องตามกฎหมาย


อย่างไรก็ตามทีการเปลี่ยนแปลงอีกวิธีหนึ่งที่ถือว่าเป็นวิธีการรุนแรงและไม่ถูกต้องตามกฎหมาย นั่นก็คือการใช้กำลังเข้าข่มขู่ เช่น ใช้กองกำลังติดอาวุธเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลเดิมไล่คณะรัฐมนตรีออกไปและตั้งคณะรัฐมนตรีใหม่ โดยกลุ่มของคนที่ยึดอำนาจเข้ามาแทนที่หรือยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับเดิมแล้วร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
วางกฎและกติกาตามที่กลุ่มผู้มีอำนาจปรารถนา โดยปกติคณะหรือกลุ่มบุคคลที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงด้วยวิธีนี้จะต้องมีกองกำลังติดอาวุธเข้าปฏิบัติการ มิฉะนั้นแล้วก็ยากที่จะสำเร็จ และถึงมีกำลังก็ไม่อาจไม่สำเร็จเสมอไป เพราะมีองค์ประกอบการสนับสนุนหรือต่อต้านจากประชาชนเข้ามาเป็นปัจจัยประกอบด้วย

ปัญหาที่เกิดขึ้นกับประเทศที่ไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองก็คือว่า การเปลี่ยนรัฐบาลหรือผู้ปกครองประเทศมักไม่เป็นไปตามกติกาหรือระเบียบแบบแผนโดยสันติวิธี ตรงกันข้ามมักเกิดการแย่งชิงอำนาจด้วยการใช้กำลังอยู่เนือง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไปในรูปของการจลาจลกบฏ ปฏิวัติหรือรัฐประหารความหมายของคำเหล่านี้เหมือนกันในแง่ที่ว่าเป็นการใช้กำลังอาวุธยึดอำนาจทางการเมืองแต่มีความหมายต่าง กันในด้านผลของการใช้กำลังความรุนแรงนั้น หากทำการไม่สำเร็จจะถูกเรียกว่า กบฏ จลาจล (rebellion) ถ้าการยึดอำนาจนั้นสัมฤทธิผล และเปลี่ยนเพียงรัฐบาลเรียกว่า รัฐประหาร (coupd etat) แต่ถ้ารัฐบาลใหม่ได้ทำการเปลี่ยนแปลงมูลฐานระบอบการปกครอง ก็นับว่าเป็น การปฏิวัติ

การปฏิวัติครั้งสำคัญ ๆ ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วไป ได้แก่ การปฏิวัติใหญ่ของฝรั่งเศส ค.ศ. 1789 การปฏิวัติในรัสเซีย ค.ศ. 1917 การปฏิวัติของจีนในปี ค.ศ. 1949 การปฎิวัติในคิวบา ค.ศ. 1952 เป็นต้น สำหรับในการเมืองไทยคำว่า ปฏิวัติ กับ รัฐประหาร มักใช้ปะปนกันแล้วแต่ผู้ยึดอำนาจได้นั้นจะเรียกตัวเองว่าอะไร เท่าที่ผ่านมามักนิยมใช้คำว่า ปฏิวัติ

เพราะเป็นคำที่ดูขึงขังน่าเกรงขามเพื่อความสะดวกในการธำรงไว้ซึ่งอำนาจที่ได้มานั้น ทั้งที่โดยเนื้อแท้แล้ว นับแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475 ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นการปฏิวัติที่แท้จริงครั้งเดียวที่เกิดขึ้น ในประเทศไทย การยึดอำนาจโดยวิธีการใช้กำลัง ครั้งต่อ ๆ มาในทางรัฐศาสตร์ถือว่าเป็นเพียงการรัฐประหารเท่านั้น เพราะผู้ยึดอำนาจได้นั้นไม่ได้ทำการเปลี่ยนแปลงหลักการมูลฐานของระบอบการปกครองเลย

ดังนั้นเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมทางการเมืองและมิให้สับสนกับการใช้ชื่อเรียกตัวเองของคณะที่ทำการยึดอำนาจทั้งหลาย อาจสรุปได้ว่าความหมายได้ว่าความหมายแคบ ๆ โดยเฉพาะเจาะจงสำหรับคำว่าปฏิวัติ และรัฐประหารในบรรยากาศการเมืองไทยเป็นดังนี้คือ

“ปฏิวัติ” หมายถึงการยึดอำนาจโดยวิธีการที่ไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ยกเลิกรัฐธรรมนูญที่ใช้อยู่ อาจมีหรือไม่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และรัฐบาลใหม่ได้ทำการเปลี่ยนแปลงมูลฐานระบอบการปกครอง เช่นเปลี่ยนแปลง การปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช เป็นระบอบประชาธิปไตย หรือ คอมมิวนิสต์ ฯลฯ

“รัฐประหาร” หมายถึงการยึดอำนาจโดยวิธีการที่ไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ แต่ยังคงใช้รัฐธรรมนูญฉบับเก่าต่อไป หรือประกาศใช้รัฐธรรมฉบับใหม่ เพื่อให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในระยะเวลาไม่นานนัก ในประเทศไทย ถือได้ว่ามี การปฎิวัติ เกิดขึ้นครั้งแรกและครั้งเดียวคือ การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2547 โยคณะราษฎร จากระบบสมบูรณาญาสิทธิราช มาเป็นระบอบประชาธิปไตย และมีการ กบฏ เกิดขึ้น 12 ครั้ง และรัฐประหาร 8 ครั้ง ดังนี้
-ปฎิวัติ 1 ครั้ง (4 มิถุนายน 2475 โดยคณะราษฎร)
-กบฏ 12 ครั้ง
1.กบฎ ร.ศ.130
2.กบฎบวรเดช (11 ตุลาคม 2476)
3.กบฎนายสิบ (3 สิงหาคม 2478)
4.กบฏพระยาทรงสุรเดช หรือกบฏ 18 ศพ (29 มกราคม 2482)
5. กบฎเสนาธิการ (1 ตุลาคม 2491)
6.กบฏแบ่งแยกดินแดน (พย. 2491)
7.กบฏวังหลวง (26 กุมภาพันธ์2492)
8.กบฏแมนฮัตตัน (29 มิถุนายน 2494)
9.กบฏสันติภาพ (8 พฤศจิกายน 2497)
10.กบฎ 26 มีนาคม 2520
11.กบฎยังเตอร์ก (1-3 เมษายน 2524)
12.กบฏทหารนอกราชการ (9 กันยายน 2528)
-รัฐประหาร 8 ครั้ง
1.พ.อ. พระยาพหลฯ ทำการรัฐประหาร (20 มิ.ย. 2476)
2.พล.ท.ผิน ชุณหะวัณ และคณะนายทหารบก ทำการรัฐประหาร (8 พ.ย. 2490)
3.จอมพล ป. พิบูลสงคราม ทำการรัฐประหาร (29 พ.ย. 2494)
4.จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ทำการรัฐประหาร (16 กันยายน 2500)
5.จอมพลถนอม กิตติขจร ทำการรัฐประหาร (20 ตุลาคม 2501)
6. จอมพลถนอม กิตติขจร ทำการรัฐประหาร (17 พฤศจิกายน 2514)
7.พล.ร.อ สงัด ชลออยู่ ทำการรัฐประหาร (20 ตุลาคม 2520)
8.พล.อ. สุนทร คงสมพงษ์ ทำการรัฐประหาร (23 กุมภาพันธ์ 2534)
from http://www.nationchannel.com/news2/rev/news04.html

End of Thaksin's Legend

คงไม่มีใครคาดคิดว่าช่วงเวลาเพียง 11 วันที่ ทักษิณ ชินวัตร เลือกระเห็จออกนอกประเทศเพื่อไปร่วมประชุมระดับโลกหลายรายการ จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ถึงขั้นปิดตำนาน "ตาดูดาว เท้าติดดิน" ของนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ลงได้อย่างเบ็ดเสร็จ มีรายงานว่าเหตุผลที่ "ทักษิณ" เลือกเดินทางไปประชุมเป็นเวลานานถึงสองสัปดาห์ นับตั้งแต่ 9-21 กันยายนตามกำหนดการเดิมนั้น เป็นเพราะหวั่นเกรงการรัฐประหารซึ่งเริ่มดังถี่ขึ้นในระยะหลัง

โดยเฉพาะภายหลังจากการ "เปิดศึก" กับสถาบันทหาร อันเนื่องมาจากคดีคาร์บอมบ์ ที่พุ่งเป้าไปที่ทหารเป็นผู้บงการเบื้องหลัง มีการระบุความเกี่ยวโยงกับนายทหารหลายรุ่น โดยเฉพาะจปร. 7 และข่าววงในยังเชื่อมโยงไปถึง "ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ" ที่ทักษิณและคนใกล้ชิดเชื่อมาตลอดว่าเป็นตัวการโค่นล้มทักษิณ และก่อความวุ่นวาย รวมถึงอยู่เบื้องหลังม็อบพันธมิตรเคลื่อนไหวขับไล่ทักษิณมาตลอด

แต่สุดท้ายความคืบหน้าคดีคาร์บอมบ์กลับคว้าน้ำเหลว ไม่สามารถจับตัวผู้กระทำผิดจริงๆได้จนแล้วจนรอด จนถึงเวลานี้ ที่สำคัญยังถูกสังคมมองว่าเป็นการ "สร้างสถานการณ์" ของฝ่ายผู้มีอำนาจรัฐ เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในการควบคุมสถานการณ์ และช่วงชิงคะแนนสงสารจากหมู่คนที่เป็นฐานคะแนนเสียงหลัก

หากยังจำได้ความคุกรุ่นของสถานการณ์นับตั้งแต่คดีคาร์บอมบ์ ส่งผลให้เกิดความตึงเครียดขึ้นในหมู่คนใกล้ชิด จนถึงกับต้องออกมาให้สัมภาษณ์ "ดักทาง" ฝ่ายตรงข้ามไม่ให้คิดก่อการปฏิวัติ โดยนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช และ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ระหว่างที่ทักษิณยังอยู่ต่างประเทศ

ผลจากการออกมาให้ข่าวในเชิงปรามอย่างรู้ทันนี้ ได้ทำให้เกิดการออกมาตอบโต้อย่างชัดเจนเป็นครั้งแรกของ พล.อ.สนธิ บุญรัตนกลิน ผบ.ทบ. ทำนองว่าเรื่องนี้เป็นข่าวลวง ของผู้ที่ไม่ต้องการให้เกิดการปฏิวัติ "เป็นข่าวที่ออกมาเพื่อต้องการไม่ให้ทหารปฏิวัติ"

ขณะเดียวกันความเคลื่อนไหวของ "ทักษิณ" ที่ต่างประเทศก็มีรายงานเข้ามาเป็นระยะในเรื่องการเว้นวรรค ท่ามกลางการเฝ้าจับตามองของสังคม แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีความชัดเจนใดๆ กระทั่งล่าสุดเช้าวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมาจึงได้ความชัดเจนในระดับหนึ่งเป็นครั้งแรกว่า จะให้คำตอบในวันรับสมัครเลือกตั้ง ขณะที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันมีการโยนหินถามทางเกิดขึ้น จากญาติสนิทที่ชื่อ สมชาย สุนทรวัฒน์ ว่าทักษิณจะเว้นวรรค 2 ปี และแคนดิเดตที่เหมาะสมจะเป็นนายกฯคนต่อไปนั้น ได้แก่ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ,พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ และนายสุรเกียรติ เสถียรไทย

แต่แล้วกระแสข่าวดังกล่าวก็ถูกปฏิเสธจากแกนนำพรรคไทยรักไทย ไม่ว่าจะเป็น สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ รวมทั้ง นพ.พรหมินทร์ ก่อนที่จะมาจบลงที่การยืนยันจากทักษิณในการให้สัมภาษณ์ผ่านนักข่าวของสำนักข่าวไทยที่ร่วมเดินทางไปด้วยว่าตนยังไม่ได้คิดเรื่องจะให้ใครเป็นนายกฯแทน และพูดในเชิงให้ตีความได้ว่าพร้อมที่จะเว้นวรรค
ไม่เพียงเท่านั้น ทักษิณยังสร้างกระแสเพื่อให้เกาะอยู่ในความสนใจของคนไทยแม้ว่าตัวเองจะไม่อยู่หลายวัน ด้วยการออกอากาศรายการสถานีสนามเป้า ทางช่อง 5 ถึงสามวันซ้อน โดยผู้ดำเนินรายการที่ชื่อ จักรพันธ์ ยมจินดา อดีตส.ส.พรรคไทยรักไทย ซึ่งเป็นการให้สัมภาษณ์ทิ้งไว้ก่อนเดินทางไปคิวบา แต่ก็ไม่ได้แสดงความชัดเจนใดๆเรื่องการเว้นวรรค

ที่ฮือฮายิ่งไปกว่านั้นคือ "มุขตลกอินเตอร์" ที่ทักษิณจงใจส่งสัญญาณผ่านการพบปะกับผู้นำอาเซียน ด้วยการชวนตั้งพรรค "สุขนิยม" โดยยกให้นายกฯโคอิซูมิ แห่งญี่ปุ่นเป็นหัวหน้าพรรค และตัวเองจะรับเป็นเลขาธิการพรรค ทำให้มีการวิเคราะห์กันไปต่างๆนานาว่านี่อาจเป็นการหยั่งกระแส "เปิดทางถอย" ให้ปรากฏต่อสายตาชาวโลก
แต่ขณะเดียวกันทักษิณก็แสดงให้เห็นถึงความสับสนและลังเลของตัวเองอย่างชัดเจน เมื่อเขาประกาศว่าพรรคไทยรักไทยจะกลับมาชนะเลือกตั้งในการเลือกตั้งครั้งหน้าแน่นอน และได้ยอมรับกับนักข่าวต่างชาติในการให้สัมภษณ์ประเด็นเรื่องการเว้นวรรคว่าเขายังสับสนกับชีวิต

เป็นที่น่าสังเกตว่าท่ามกลางสถานการณ์อึมครึม และความไม่มั่นใจต่อความปลอดภัยของตัวเอง ทำให้ทักษิณต้องเปลี่ยนกำหนดการบางช่วงอย่างกระทันหัน โดยให้เหตุผลว่าไม่สบาย นั่นคือจากเดิมที่มีกำหนดการกลับประเทศก่อนในช่วงแรก คือ วันที่ 12 กันยายน หลังจากเสร็จการประชุมอาเซมที่ประเทศฟินแลนด์ระหว่างวันที่ 9-11 กันยายน ก่อนจะเดินทางต่อเพื่อไปร่วมประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ที่ประเทศคิวบา และต่อด้วยการประชุมสหประชาชาติในวันที่ 14-21 กันยายน ก็เปลี่ยนเป็นอยู่ยาวตลอดสองสัปดาห์

ท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์ว่ากลัวการปฏิวัติรัฐประหาร อย่างไรก็ดีมีการประเมินกันว่าผลจากสถานการณ์ลอบวางระเบิดกลางเมืองหาดใหญ่เมื่อวันเสาร์ที่ 16 กันยายน น่าจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ก่อให้เกิดการทำรัฐประหาร เนื่องจากบ้านเมืองไม่อยู่สถานการณ์ที่ควบคุมได้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษิณไม่แสดงท่าทีที่ชัดเจนว่าจะตัดสินใจเดินทางกลับประเทศทันทีเพื่อเข้ามาควบคุมสถานการณ์นี้ด้วยตัวเอง

บวกกับความหวั่นเกรงว่าสถานการณ์จะยิ่งลุกลามบานปลายอันเนื่องมาจากในวันรุ่งขึ้น 20 กันยายนเป็นวันที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนจะระดมพลพลครั้งใหญ่เพื่อขับไล่ทักษิณโดยไม่มีกำหนด และอาจเกิดการปะทะกับฝ่ายเชียร์ทักษิณที่ถูกเกณฑ์กันมาจากที่ต่างๆโดยแกนนำและส.ส.ของพรรค ที่ประกาศหนุนให้ทักษิณเป็นนายกฯต่อ ถึงขั้นตั้งเป้าล่ารายชื่อคนอิสานกว่า 10 ล้านคน มีการตั้งข้อสังเกตว่าสัญญาณที่บ่งชี้ถึงความผิดปรกติชัดเจนอย่างหนึ่งนับตั้งแต่ช่วงเช้าของวันปิดตำนาน 19 กันยายน ก็คือการไม่ปรากฏภาพผบ.เหล่าทัพเข้าร่วมประชุมทางไกลกับทักษิณ

เพื่อประเมินสถานการณ์ลอบวางระเบิดกลางเมืองหาดใหญ่ ด้วยติดภารกิจอยู่ก่อนแล้ว และนับจากเวลานั้นเรื่อยมากระแสข่าวหนาหูเรื่องการทำรัฐประหารก็เกิดขึ้นเป็นระยะตลอดทั้งวัน กระทั่งได้รับการยืนยันอย่างชัดเจนในราว 18.00 น.ของวันที่ 19 กันยายน พร้อมกับมีรายงานว่าทักษิณกำลังอยู่ระหว่างเดินทางกลับเข้าประเทศ โดยจะถึงสนามบินเวลาประมาณตี 1 ของวันที่ 20 กันยายน ทั้งๆที่กำหนดการเดิมจะกลับถึงเมืองไทยเช้าวันที่ 21 กันยายนประมาณตี 5 ครึ่ง

รวมทั้งมีรายงานด้วยว่าหลังจากรับทราบทางโทรศัพท์จากนพ.พรหมินทร์ถึงการทำรัฐประหารที่ได้สำเร็จลงแล้ว พร้อมกับมีการประสานงานให้ทักษิณเปลี่ยนจุดลงเครื่องเป็นที่ประเทศฟิลิปปินส์แทนแล้ว ทักษิณก็ได้ติดต่อกลับเข้ามายัง มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ เพื่อขอประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินผ่านทางช่อง 9 อสมท. น้ำเสียงละล่ำละลัก และสั่นเครือด้วยความรู้สึกกดดันเป็นระยะ ตลอดการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อค่ำคืนทีผ่านมา จึงเป็นเสียงสุดท้ายที่คนไทยได้ยินจาก "นายกพลัดถิ่น" ส่งท้ายตำนานอหังการ "ทักษิณ" อย่างถาวร

from http://www.nationchannel.com/news2/rev/news13.html

Thanksin Puts Up Fight

หลังจากที่มีความเคลื่อนไหวของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งประกอบด้วย ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้เข้าควบคุมสถานการณ์ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลไว้เมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา

เมื่อเวลา 22.15 น. วันที่ 19 กันยายน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้ออกแถลงการณ์ผ่านดาวเทียมจากประเทศสหรัฐอเมริกา เผยแพร่ออกโทรทัศน์ช่อง 9 แต่เมื่ออ่านแถลงการณ์ได้ 3 ฉบับก็ถูกตัดสัญญาณ เนื่องจากมีกำลังทหารพร้อมอาวุธบุกเข้าไปช่อง 9 พร้อมตะโกนสั่งให้หยุดพูดเดี๋ยวนี้ ทางเจ้าหน้าที่ช่อง 9 จึงได้ตัดสัญญาณ

สำหรับแถลงการณ์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ทั้ง 3 ฉบับมีดังนี้

แถลงการณ์ฉบับที่ 1

ในภาวะความสับสนวุ่นวายที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ซึ่งจะมีผลกระทบอย่างร้ายแรง รวมทั้งกระทบอย่างร้ายแรงต่อการใช้สิทธิและเสรีภาพของประชาชน ซึ่งจำเป็นต้องมีมาตรการเร่งด่วนเพื่อรักษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรและจำเป็นที่จะต้องเร่งการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ยุติได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทันท่วงที อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5,6,11 วรรค 1 แห่ง พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิ และเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 31 และ 35,36,37,39,44,48,50 และ 51 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีจึงได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 เวลา 21.15 น.

แถลงการณ์ฉบับที่ 2

ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานครแล้วนั้น เพื่อให้การดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานครเป็นไปอย่างฉุกเฉินและทันท่วงที อาศัยอำนาจตามมาตรา 11 (4) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 ประกอบมาตรา 11 (2) แห่ง พ.ร.ก.การกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงให้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และให้รายงานตัวต่อ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รักษาการนายกรัฐมนตรี ณ บัดนี้ ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 19 กันยายน 2549

แถลงการณ์ฉบับที่ 3

คำสั่งผู้กำกับการปฏิบัติงานตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เรื่องแต่งตั้งหัวหน้าผู้รับผิดชอบ และมอบอำนาจการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินตามที่ได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตกรุงเทพมหานครแล้วนั้น อาศัยอำนาจตามมาตรา 7 วรรค 4 และ 6 และมาตรา 10 ของ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินฯ ผู้กำกับการปฏิบัติงานตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงมีคำสั่ง ดังนี้ ให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน มีอำนาจในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินตามที่กำหนดไว้ใน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ดังนี้ 1.บังคับบัญชา และสั่งการส่วนราชการ และข้าราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายที่กำหนด 2.ดำเนินการอื่นๆ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้มีอำนาจในการกำกับปฏิบัติงานตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินกำหนดหรือมอบหมาย ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

คณะปฏิรูปประกาศยึดอำนาจแล้วต่อมาเวลา 23.00 น.

สถานีโทรทัศน์ทุกช่องประกาศว่า เนื่องด้วยขณะนี้ คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งประกอบด้วย ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เข้าควบคุมสถานการณ์ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลไว้ได้แล้ว และไม่ได้มีการขัดขวาง เพื่อเป็นการรักษาควาสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง จึงขอความร่วมมือประชาชนในการให้ความร่วมมือ และขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้ด้วย

สำหรับท่าทีต่างประเทศนั้น รายงานข่าวจากทำเนียบขาว สหรัฐระบุว่า ได้รับทราบข่าวด่วนเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในไทยและกำลังหาข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติม ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณยังคงเก็บตัวอยู่ที่โรงแรมเกรนด์ ไฮแอท นิวยอร์ก ซึ่งเป็นที่พักในเกาะแมนฮัตตัน อยู่ห่างจากสำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติไม่มากนัก

from http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4725718/P4725718.html

State of Emergency

คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขฉบับที่ 3ตามที่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้ทำการยึดอำนาจการปกครองของประเทศไว้เรียบร้อบแล้วนั้นเพื่อความสงบเรียบร้อยในการปกครองประเทศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงให้

1.รัฐธรรมนูญแห่งราชอณาจักรไทย พ.ศ.2540 สิ้นสุดลง
2.วุฒิสภา สภาผู้แทนราษฎร คณะรัฐมนตรี และศาลรัฐธรรมนูญ สิ้นสุดลงพร้อมกับรัฐธรรมนูญ
3.องคมนตรีคงดำรงตำแหน่งและปฎิบัติหน้าที่ต่อไป
4.ศาลทั้งหลาย นอกจากศาลรัฐธรรมนูญ คงมีอำนาจในการพิจารณาพิพากษาอัตถคดี ตามบทกฎหมายและ

ตามประกาศคณะปฎิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขประกาศ ณ วันที่ 19 ก.ย. 2549พลเอก สนธิ บุญยรัตกรินทร์หัวหน้าคณะการปกครองในระบอบประชาธิปไตย

Coup d'Etat to Overthrow Thaksin Regime

สังคมไทยแตกแยก-ไร้สามัคคี พล.อ.สนธิชี้แจงจำต้องปฏิวัติ
พล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าคณะประกาศแถลงการณ์ฉบับที่ 1 แจงเหตุผลต้องดำเนินการปฏิวัติในนามคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ทั้งสังคมแตกแยกไม่มีความสามัคคีกันอย่างไม่มีมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย ไม่มีเจตนาเข้ามาเป็นผู้บริหาร จะคืนอำนาจเลือกตั้งโดยเร็ว

เมื่อเวลา 23.28 น.วันที่ 19 กันยายน พล.ต.ประพาส ศกุนตนาถ อดีตโฆษกช่อง 5 อ่านแถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยว่า เนื่องด้วยขณะนี้คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งประกอบด้วยผู้บัญชาการเหล่าทัพและผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เข้าควบคุมสถานการณ์ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลไว้ได้แล้วและไม่มีการขัดขวาง เพื่อเป็นการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง จึงขอความร่วมมือประชาชนในการให้ความร่วมมือและขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้ด้วย

โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง

พี่น้องประชาชนที่เคารพ ด้วยขณะนี้ คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งประกอบด้วยผู้บัญชาการเหล่าทัพและผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เข้าควบคุมสถานการณ์ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลไว้ได้แล้วและไม่มีการขัดขวาง เพื่อเป็นการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง จึงขอความร่วมมือประชาชนในการให้ความร่วมมือและขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้ด้วย

และเมื่อเวลา 23.43 น. พล.ต.ประพาส ได้อ่านแถลงการณ์ข้อความเช่นเดียวกันอีกครั้งหนึ่ง

หลังจากนั้นเมื่อเวลา 23.57 น. ก็ได้อ่านแถลงการณ์อีกครั้งหนึ่งว่า คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขด้วยเป็นที่ปรากฎการณ์แน่ชัดว่า การบริหารราชการแผ่นดินโดยรัฐบาลรักษาการปัจจุบัน ได้ก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งแบ่งฝ่าย สลายความรู้รักสามัคคีของชนในชาติอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย ต่างฝ่ายต่างมุ่งหวังเอาชนะด้วยวิธีการหลากหลายรูปแบบ และมีแนวโน้มนับวันจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยประชาชนส่วนใหญ่เคลือบแคลงการบริหาร

ตลอดจนหมิ่นเหม่.... ผู้ทรงเป็นที่เคารพเทิดทูน อยู่บ่อยครั้ง แม้หลายภาคส่วนของสังคมจะได้พยายามประนีประนอม คลี่คลายสถานการณ์ไปโดยต่อเนื่องแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งยุติลงได้ ดังนั้น คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งประกอบด้วยผู้บัญชาการเหล่าทัพและผู้บัญชาการ จึงมีความจำเป็นต้องยึดอำนาจการปกครองแผ่นดินตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

โดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข ขอยืนยันว่า ไม่มีเจตนาที่จะเข้ามาเป็นผู้บริหารราชการแผ่นดินเสียเอง แต่จะได้คืนอำนาจการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ลับคืนสู่ปวงชนชาวไทยโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้เพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขและความมั่นคงของชาติ รวมทั้งเทิดทูนไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพยิ่งของคนไทยทุกคน

ประกาศ ณ วันที่ 19 ก.ย. เวลา 23.50 น.
ลงชื่อ พล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน หัวหน้าคณะประกาศแถลงการณ์ฉบับที่ 1

ลือทักษิณเตรียมทำปฏิวัติซ้อน
มีรายงานจากพรรคไทยรักไทยว่า หลังจากที่คณะปฏิรูปการปกครองได้เข้ายึดอำนาจรัฐบาลทักษิณ ชินวัตรแล้ว ปรากฏว่ายังมีกระแสปล่อยออกมาจากฝั่งของนายเนวิน ชิดชอบ ว่าจะเกิดการปฏิวัติซ้อนขึ้นตามมาเร็วๆนี้
"ชิดชัย - เสริมศักดิ์" ยกเลิกออกรายการกรองสถานการณ์คืนนี้
รายงานข่าวเปิดเผยว่า หลังมีกระแสข่าวการปฏิวัติ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกฯ และรมว.ยุติธรรม ได้ยกเลิกภารกิจออกรายการกรองสถานการณ์ เรื่องระเบิดที่หาดใหญ่ ที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 คืนวันนี้ ( 19 ก.ย. ) โดยคนใกล้ชิด คาดว่าพล.ต.อ.ชิดชัย จะเก็บตัววิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองอย่างใกล้ชิด ขณะที่ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พาณิชย์ รมช.มหาดไทย ได้ยกเลิกออกรายการเช่นกัน
ตรึงกำลังสะพานพระราม 7
เวลา 23.50 น. วันที่ 19 กันยายน ผุ้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สะพานพระราม 7 ได้มีทหารจาก พล. ม. 1 จำนวน 40 นาย พร้อมอาวุธครบมือ ได้นำรถจีเอ็มซี 4 คัน มาจอดขว้างบนสะพาน พร้อมนำถังน้ำมันขนาดใหญ่ปิดกั้นเพื่อทำการตรวจค้นรถบริเวณดังกล่าวทั้งหมด นอกจากนี้เป็นที่สังเกตุว่าด้านหลังโรงไฟฟ้าบางกรวยนั้นไม่มีกำลังทหารแต่อย่างใด
"สมศักดิ์ เทพสุทิน"ตกใจรัฐประหาร เผย ทรท.นัดประชุมด่วนพรุ่งนี้
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวเมื่อเวลา 23.00 น. ถึงการรัฐประหารครั้งนี้ว่า ตนยังไม่ทราบรายละเอียดว่าใครเป็นคนทำ
ขณะนี้แกนนำหลายคนในพรรคก็สอบถามถึงเรื่องดังกล่าวกับตนมากมาย ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ตนอยู่ต่างจังหวัดยังไม่ทราบเรื่องว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร ก็รู้สึกตกใจไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นจริง ซึ่งวันที่ 20 ก.ย. นี้อาจมีการเข้าไปประชุมด่วนที่ทำการพรรค โดยตนขอหารือกับแกนนำก่อน
เมื่อถามถึงกระแสข่าวมีการจับกุม พล.อ.ธรรมรักษ์ และ พล.ต.อ.ชิดชัย แล้ว ทราบเรื่องนี้หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ยังไม่ทราบข่าวแน่นอนชัดเจน แต่หากมีการปฏิวัติจริง ต้องขอติดตามข่าวก่อน

from http://www.nationchannel.com/index.php

Tuesday, September 19, 2006

The 7 Wonders of the World

A teacher asked her students to write down the 7 wonders of the world. These were the answers.

1. Great Pyramids of Giza
2. Great Wall of China
3. Taj Mahal
4. Empire State Building

5. Grand Canyon
6. Panama Canal
7. Galapagos

But a girl answered differently from her friends. She wrote,

1.To See
2.To Hear
3.To Touch

4.To Taste
5.To Feel
6.To Laugh
7. To Love


Well, you can see that seeing, hearing, touching, tasting, feeling, laughing, and loving are the wonders of the world. We do not think of something that is far away from us or something that is very big. In fact, things that this girl wrote down are close to us. She appreciates something around her. She feel happy when she sees this beautiful world, and when she hears, touch, and love somebody. These things are under our nose. We usually think of a big house, new car, new mobile, and increasing bank account, which make us worried and blind for seeing what we already have.

The most precious things in life cannot be built by hand or bought by man. It's just to love and be loved in return. From "Moulin Rouge"

Sunday, September 17, 2006

My WebQuests

I created WebQuests for teaching language and culture with my friends. This is what I have learned from San José State University, California, USA, in June 2006. I found that it is interesting to implement this to the class. This is also a part of my term project that my friends and I are working together for the Cultural Impact on ELT course. Click the URL below.

http://www.kn.att.com/wired/fil/pages/webenglishwa.html
http://www.kn.att.com/wired/fil/pages/webjapanwa.html

Saturday, September 16, 2006

Global Warming

This morning, Mr.1 went to Scala Theater for watching "An Inconvenient Truth" and attending the academic discussion about Global Warming. This was organized by the Faculty of Science (Physics Department), Chulalongkorn University. There're lots of interesting and worried points. He gave me the document about global warming which is a very big issue. Here is the information from the document which is written in Thai.

สภาวะโลกร้อน
สภาวะโลกร้อนเป็นปรากฏการณ์เนื่องจากการที่โลกไม่สามารถระบายความร้อนที่ได้รับจากดวงอาทิตย์ออกไปได้อย่างที่เคยเป็น ทำให้สภาพอากาศของโลกเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตบนโลกอย่างรุนแรง มีการถกเถียงกันในหมู่นักวิทยาศาสตร์ว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติหรือเกิดจากการกระทำของมนุษย์ เนื่องจากโลกได้มีการเปลี่ยนสภาพอากาศมาแล้วนับไม่ถ้วน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลายแสนปี แต่ในปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์แทบทั้งหมดเชื่อว่า มนุษย์มีส่วนที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้นและกิจกรรมของมนุษย์มีส่วนเร่งให้เกิดปรากฎการณ์ดังกล่าวให้มีความรุนแรงกว่าที่ควรเป็นตามธรรมชาติ

กลไกของสภาวะโลกร้อน
ในสภาวะปกติ โลกเราจะได้รับพลังงานประมาณ 99.95% จากดวงอาทิตย์ในรูปของการแผ่รังสี พลังงานที่เหลือมาจากความร้อนใต้พิภพซึ่งหลงเหลือจากการก่อตัวของโลก ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์มาโลกเราสามารถรักษาสมดุลของพลังงานที่ได้รับอย่างดีเยี่ยม โดยมีการสะท้อนความร้อนและแผ่รังสีออกจากโลก ทำให้โลกมีสภาพอากาศที่เหมาะสมต่อสิ่งมีชีวิตหลากหลายในโลกนี้

กลไกหนึ่งที่ทำให้โลกเรารักษาพลังงานความร้อนไว้ได้ ได้แก่ ปรากฏการณ์เรือนกระจก (Greenhouse Effect) โดยโลกจะมีชั้นบางๆ ของแก๊สกลุ่มหนึ่ง เรียกว่า แก๊สเรือนกระจก (Greenhouse Gases) ที่ทำหน้าที่ดักและสะท้อนความร้อนที่โลกแผ่กลับไปออกไปในอวกาศให้กลับเข้าไปในโลกอีก หากไม่มีแก๊สกลุ่มนี้ โลกจะไม่สามารถเก็บพลังงานไว้ได้ และจะมีอุณหภูมิแปรปรวนในแต่ละวัน แก๊สกลุ่มนี้จึงทำหน้าที่เสมือนผ้าห่มบางๆ ที่คลุมโลกอยู่ในที่ที่หนาวเย็น

แต่ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา โลกเราได้มีการสะสมแก๊สเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศมากขึ้น เนื่องจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงต่างๆ ที่ใช้ในกิจกรรมประจำวัน การเพิ่มขึ้นของแก๊สเรือนกระจกทำให้โลกไม่สามารถแผ่ความร้อนออกไปได้อย่างที่เคย ความร้อนดังกล่าวถูกแก๊สเรือนกระจกสะท้อนกลับมายังโลก ส่งผลให้อุณหภูมิของโลกเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เสมือนกับโลกเรามีผ้าห่มที่หนาขึ้นนั่นเอง

ผลกระทบจากสภาวะโลกร้อน
แม้ว่าโดยเฉลี่ยแล้วอุณหภูมิของโลกจะเพิ่มขึ้นไม่มากนัก แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะส่งต่อเป็นทอดๆ และจะมีผลกระทบกับทั้งโลกในที่สุด ขณะนี้ผลกระทบเริ่มปรากฎให้เห็นแล้วทั่วโลก เช่น การละลายของน้ำแข็งทั่วทั้งโลก น้ำแข็งที่ละลายนี้จะเพิ่มปริมาณน้ำในมหาสมุทร ประกอบกับอุณหภูมิเฉลี่ยของน้ำสูงขึ้น น้ำก็จะมีการขยายตัวร่วมด้วย ทำให้ปริมาตรของน้ำในมหาสมุทรทั่วโลกเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นมาก ส่งผลให้เมืองสำคัญๆ ที่อยู่ริมมหาสมุทรตกอยู่ใต้ระดับน้ำทันที คาดการณ์ว่า
หากน้ำแข็งดังกล่าวละลายหมดจะทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น 6-8 เมตรทีเดียว

ผลกระทบที่เริ่มเห็นได้อีกประการคือ การเกิดพายุหมุนที่มีความถึ่และความรุนแรงมากขึ้น เช่นพายุเฮอร์ริเคนที่พัดเข้าถล่มสหรัฐหลายลูกในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา แต่ละลูกสร้างความเสียหายในระดับหายนะทั้งสิ้น สาเหตุอาจอธิบายได้ในแง่พลังงาน กล่าวคือ พายุจะสะสมพลังงานจากพลังงานความร้อนที่อยู่ในมหาสมุทร เมื่อมหาสมุทรมีอุณหภูมิสูงขึ้น พลังงานที่พายุได้รับก็มากขึ้นไปด้วย ส่งผลให้พายุมีความรุนแรงกว่าเดิม

อีกทั้ง สภาวะโลกร้อนส่งผลให้บางบริเวณในโลกประสบกับสภาวะแห้งแล้งอย่างไม่เคยมีมาก่อน เช่น ขณะนี้ได้เกิดสภาวะแล้งในป่าอเมซอนซึ่งถือว่าเป็นปอดของโลก ภาวะนี้ยิ่งทำให้โลกร้อนรุนแรงขึ้นอีก เนื่องจากต้นไม้ในป่าซึ่งทำหน้าที่ดูดกลืนแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ล้มตายลงเนื่องจากขาดน้ำ นอกจากจะไม่ดูดกลืนแก๊สต่อไปแล้ว ยังปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาจากกระบวนการย่อยสลายด้วย

อะไรที่ทำให้เกิดสภาวะโลกร้อน
สภาวะโลกร้อนเกิดจากการที่มีแก๊สเรือนกระจกมากเกินไปในบรรยากาศ แก๊สเรือนกระจกตัวหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญ ได้แก่คาร์บอนไดออกไซด์ เป็นแก๊สที่มาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงเพื่อใช้พลังงาน ซึ่งมนุษย์เองเป็นผู้ปลดปล่อยแก๊สนี้ออกมาเป็นจำนวนมากเพื่อนำพลังงานมาใช้ ยิ่งมนุษย์ใช้พลังงานมากเท่าใด ก็ยิ่งได้แก๊สเรือนกระจกออกมามากเท่านั้น สรุปคือ สาเหตุที่ทำให้เกิดสภาวะโลกร้อน คือ มนุษย์

เราจะหยุดสภาวะโลกร้อนได้อย่างไร
เราคงไม่อาจหยุดยั้งสภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นในอนาคตได้ ถึงแม้ว่าเราจะหยุดผลิตแก๊สเรือนกระจกโดยสิ้นเชิง ทั้งนี้เพราะโลกเปรียบเสมือนเครื่องจักรขนาดใหญ่ ซึ่งมีกลไกเล็กๆ จำนวนมากทำงานประสานกัน การตอบสนองที่มีต่อการกระตุ้นต่างๆ จะต้องใช้เวลานานกว่าจะกลับเข้าสู่สภาวะสมดุล แต่เรายังสามารถบรรเทาผลอันร้ายแรงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตเพื่อให้ความรุนแรงลดลงและอาจจะชะลอปรากฏการณ์โลกร้อนให้ช้าลง สิ่งที่เราพอจะทำได้ตอนนี้คือ พยายามลดการผลิดแก๊สเรือนกระจกลง และเนื่องจากเราทราบว่า แก๊สนี้มาจากกระบวนการใช้พลังงาน การประหยัดพลังงานจึงเป็นแนวทางหนึ่งในการลดอัตราการเกิดสภาวะโลกร้อน

อ้างอิง: พงษ์ ทรงพงษ์, สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์. (2549). เอกสารประกอบกิจกรรมการระดมความคิดเชิงวิชาการเกี่ยวกับสภาวะโลกร้อน. ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ถ้าเรายังไม่ช่วยกันประหยัดพลังงาน คงอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้าเมืองใหญ่ใกล้มหาสมุทรอย่าง นิวยอร์ก และกรุงเทพฯ คงจมอยู่ใต้ทะเล

Wednesday, September 13, 2006

Densha Otoko (end)

I've just finished watching this film. Everything is happy ending. My eyes fill with tears of impression while watching it. Oh!! I do love this film so much.. It encourages me many things. I fell in love with Yamada-san as well. A game show in Japan tried to find an otaku, who has the characters like Yamada in Akibara Square. The scene of harrassement of a drunk was set to find a hero like Yamada. The results showed that 69 people from 100 tried to help a woman from a drunk, like Yamada did in the film. Wow, it's great. From this movie, we can conclude that we cannot judge the people from the appearance, but in their heart, and nice guys are still living in this world. Gambare!!

Tuesday, September 12, 2006

Densha Otoko 2

Wow!!! I don't know what will happens with Saori or Hermes when she finds out that Yamada is an otaku? How will she react when she knows she has become a heroine on a webboard of the Internet? I will wait until tomorrow evening to watch this film again until the end of the story. Now, I have to write my research proposal. _/¯\O --->> Gambare !! Miku-san!! ( `_´ )

Monday, September 11, 2006

Densha Otoko

Now, I’m watching a Japanese film (in Japanese soundtrack), Densha Otoko. This is a true story of a Japanese otaku. It is a very touching and very funny story of otaku who helped a beautiful young lady in a train who was being harassed by a drunk. Otaku or Yamada, who is a complete nerd and no clue about women, helped her from the drunk. He falled in love with her. A few days later, Yamada-san got a package from the woman he had saved. The package contained an expensive set of cups made by Hermes. So Yamada calls her in the cyberspace as Hermes. He was convinced to say thank you for this expensive gift by many internet users friends. Yamada and Hermes contacted each other continuouslly. Lots of internet users followed Yamada's romance story, and give him advices on how to impress the lady and take her out on dates. Hermes did not look for his money, his looks or brains, but honesty. There're a lots of impressive scences in the film. I was hooked from the first episode. Even though I do not understand Japanese much, this film makes me laugh and smile all the times. Itoh Atsushi with the role of Yamada-san plays really well in this film. I can’t stop watching this film. It is a really nice film I have ever seen.

Got an "A"

I've got very good news this evening when I opened my mailbox. Jill Burton, who is an associate professor of Applied Linguistics at University of South Australia and taught me for a course of curriculum practice, returned my assignment with comments and grade. I worked on the Project-Based Learning which can be implemented at Roong-Aroon school. I cannot believe my eyes: I got an "A" from her course. This is a part of what she wrote back to me.

Course grade: A
Jill Burton, 8 September 2006
This is a very thoughtfully constructed essay, providing an unarguable basis for PBL in your school setting, and clearly merits a high grade. There are aspects of the design, however, that warrant further thinking. This will probably have to be carried out in conjunction with colleagues, since as any contextual overview shows, no teacher ever works alone!


Along my paper, there are lots of compliments and some ideas from Jill, which fulfill my essay. WOW WOW Jill!! Thank you so much.

Sunday, September 10, 2006

Vegetarian dishes

"Koco restaurant" at Siam Square, Soi 3, offers vegetarian food. This is the first time I found a nice and clean vegetarian restaurant in the central city.

"Tom Yum Hed" or all kinds of mushroom spicy soup

"Kaneng Pad Hed" or Brussels sprouts fried with dried mushroom

"Yum Hed" or all kinds of mushroom spicy salad

"Hed Shoop Peng Tod Pad Kimao" or mushroom tempura fried with herbs

Bangkok Trip with Japanese Friends

I have a new Japanese friend, Kai. She lives in Canada and wants to go back to Kobe in Japan. During the connecting flight to Japan, she had a few hours to travel around Bangkok. So, Iimura, Mr.1 and I took her to the Grand Palace and the Bangkok City Pillar Shrine yesterday evening.

We took a Tuk-Tuk to the Royal Field from Siam square, just 80 bahts. This was a good experience to take a roller-coaster vehicle like this. Kai told us that it was amazing and funny.

We cannot go inside because the Grand Palace was close at 3.30 pm.

We walked around the Royal Field. It was very hot. Iimura is on the left, Kai in the middle and Mr.1 is on the right.

"Bangkok City Pillar Shrine"

Friday, September 08, 2006

Thai Human Imagery Museum

This is the first wax museum in Thailand, located in PinklaoNakhon Chaisi Route. These breath-taking human figures with various characteristics and the imporant people are displayed in many sections such as The Great Buddhist Monks, Former Kings of the Chakri Dynasty, and people representing Thai Life. All models look lively in every part of their bodies, skin, eyes, arms even hair.

"Somdech Phra Srinagarindra Boromarajajanoni" or "Her Royal Highness the Princess Mother"

"Pranboon" - The first Thai song innovator.

"Man sees man as man is indeed man.

Man sees man not-man is no man.

All men born are invariably men.

Rich or poor, high or low,

All are equally men."

"Pranboon"

"คนเห็นคน เป็นคน นั่นแหละคน

คนเห็นคน เป็นคน ใช่คนไม่

กำเหนิดคน ต้องเป็นคน ทุกคนไป

จนหรือมี ผู้ดีไพร่ ไม่พ้นคน"

"พรานบูรณ์"


Praprathom Chedi

On last Tuesday, I went to Nakornprathom with Mr.1. We went to Praprathom Chedi (the great pagoda in Thailand) together. It was very hot. Nakornprathom is not far from Bangkok, just driving along Pinklao-Nakornchaisri route about an hour.

Nice picture, eh.

Very beautiful

Monks are studying here.

I walked around the Chedi and took some picture. I saw a flock of bird flying around the Chedi as well.

Get injection

ไม่รู้เป็นไร จู่ๆ ผื่นก็ขึ้นเป็นแผงเลย แต่ไม่มีไข้นะ ต้องไปหาหมอ หมอจับฉีดยาเลย "เออ ไม่ฉีดได้มั๊ยคะ ขอทานยาเอา" ปอดแหกชะมัดเลยเรา "ก็ได้ค่ะ" หมอผู้หญิงพูด "แต่ว่ายาจะออกฤทธิ์ช้า คุณจะนอนไม่หลับ ยานี้จะทำให้คุณนอนหลับแล้วคุณจะไม่ทรมาน" คุณหมอชี้แจงเหตุที่ให้ฉีดยา

เอ้าเป็นไงเป็นกัน ฉีดก็ฉีด ฉันก็เลยต้องฉีดยา ด้วยความอยากรู้ว่าจะฉีดตรงไหน ต้องเปิดก้นให้พยาบาลดูรึเปล่า ถามพยาบาลว่า "ฉีดที่ไหล่ใช่มั๊ยคะ" พยาบาลหันมายิ้มๆ บอกว่า "เดี๋ยวต้องดูใบสั่งของหมอก่อนค่ะ"

"เชิญเข้าห้องนี้เลยค่ะ" พยาบาลเรียกให้ฉันเดินตามเข้าไปในห้องตรวจ "ฉีดเข้าเส้นเลือดใหญ่ที่ข้อพับแขนค่ะ" เฮ้อ ฉันโล่งอก นึกว่าต้องเปิดก้นให้พยาบาลดูซะแล้ว ฉีดก้นน่ะ มันเจ็บจะตายไป

ฉันไม่กลัวเข็มเท่าไหร่หรอก กลัวเจ็บมากกว่า แต่พยาบาลคนนี้เก่งมากๆ "ไม่ต้องกลัวนะคะ เหมือนมดกัดน่ะค่ะ" นางพยาบาลปลอบฉันเหมือนฉันเป็นเด็กๆ "จะเจ็บนิดหน่อยตอนรับยานี่แหละค่ะ"

"เชิญรับยาด้านนอกค่ะ" อ้าวเสร็จแล้วรึ ไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย รู้แต่เพียงว่าพอลุกขึ้นแล้วมึนๆ ยาเริ่มออกฤทธิ์ มึนไปหมด เห็นภาพลางๆ ซ้อนๆ กัน ดีนะที่ไม่เห็นภาพหลอน กลับมาถึงบ้านแทบอาเจียน จากนั้นก็หลับเป็นตาย เหมือนโดนวางยานอนหลับเลย แต่ก็ขอบคุณหมอนะคะ เพราะไม่เคยนอนหลับสนิทมานานหลายวันแล้ว เอาแต่เครียดๆ เรื่องเรียน เรื่องงาน

คงต้องกินยาอีกนานเลย กว่าจะหายอาการนี้ ไม่รู้ว่าไปกินอะไรเข้าไป แพ้อะไรก็ไม่รุ้ อาหารทะเลรึ ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะว่ากินมาตั้งแต่เกิด จู่ๆ จะแพ้ได้ไง คงเป็นเพราะละอองฝุ่นในอากาศก็ได้ ไม่รู้ไปโดนอะไรเข้า แต่ก็เอาเหอะ เป็นก็ให้รู้ว่าเป็น รักษาให้หายก็จะดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้

Thursday, September 07, 2006

Yubi Japanese Restaurant

I don't know how to read japanese. The owner is Japanese. Her name is Reiko. She cooks every dish by herself.

"Osaka Udon"

"Kare rice"

"Okonomiyaki"

"Custard"



Sunday, September 03, 2006

What love is

A kindergarten teacher has decided to let her class play a game. The teacher told each child in the class to bring along a plastic bag containing a few potatoes. Each potatoes will be given a name of a person that the child hates, so the number of potatoes that the child will put in his/her plastic bag will depend on the number of people he/she hates.So, when the day came, every child bought some potatoes with the name of the people he/she hated. Some had 2 potatoes; some 3 while some up to 5 potatoes. The teacher then told the children to carry with them the potatoes in the plastic bag wherever they go (even to the toilet) for 1 week.

Days after days passed by, and the children started to complain due to the unpleasant smell let out by the rotten potatoes. Besides, those having 5 potatoes also had to carry heavier bags. After 1 week, the children were relieved because the game had finally ended.

The teacher asked: “How did you feel while carrying the potatoes with you for 1 week?”. The children let out their frustrations and started complaining of the trouble that they had to go through having to carry the heavy and smelly potatoes wherever they go.

Then the teacher told them the hidden meaning behind the game. The teacher said: “This is exactly the situation when you carry your hatred for somebody inside your heart. The stench of hatred will contaminate your heart and you will carry it with you wherever you go. If you cannot tolerate the smell of rotten potatoes for just 1 week, can you imagine what is it like to have the stench of hatred in you heart for your lifetime???”

True love is not loving a perfect perfect person, but loving an imperfect person perfectly.
I found this lovely story on a web.

Roue de Paris


Last night, I went shopping at Suan Lum Night Bazaar and took the "Roue de Paris" with Mr.1. It's very beautiful and makes my life more romantic.

Me and Jae Lang


I had a chance to take a picture with Jae Lang who is a well-known business woman. She is very beautiful. At her store, there are many import products. I got lots of Korean and Japanese foods from there yesterday.

Don Waai Market


I went to Don Waai Market yesterday with my family. Don Waai Market is situated in Nakornprathom province, which is not far from Bangkok, just an hour from my place by car to Putthamonton 5. There's a lot of interesting things to see and and delicious things to eat.

Many kinds of fruits are sold there as well. We bought nearly dozen of pomelos back home.

"Big Hor Mok" at the market

We also took a boat for sightseeing around TaChine river.

Anybody who owns a house near the river is lucky.

Here, we can see lots of fruit sellers padding around.

We got some guavas without seeds from the old market. Guess how much? All of these cost only 30 Bahts (10 Baths per kilo). Cheap, eh? We can't find this price in Bangkok.

Friday, September 01, 2006

Happy Birthday to the One I Love


A birthday is a day of happiness,
a day for sharing feelings,
and a time for celebrating
a very important person.
And your birthday is
an especially important day
...because it's a time to wish you
a wonderful year ahead.
And it's a time to wish you a treasure
of happiness from the year gone by.
And it's a time to give you
a lasting reminder that you are
very special to me...
and you always will be.

- Chris Gallatin