This morning, Mr.1 went to Scala Theater for watching "An Inconvenient Truth" and attending the academic discussion about Global Warming. This was organized by the Faculty of Science (Physics Department), Chulalongkorn University. There're lots of interesting and worried points. He gave me the document about global warming which is a very big issue. Here is the information from the document which is written in Thai.
สภาวะโลกร้อน
สภาวะโลกร้อนเป็นปรากฏการณ์เนื่องจากการที่โลกไม่สามารถระบายความร้อนที่ได้รับจากดวงอาทิตย์ออกไปได้อย่างที่เคยเป็น ทำให้สภาพอากาศของโลกเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตบนโลกอย่างรุนแรง มีการถกเถียงกันในหมู่นักวิทยาศาสตร์ว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติหรือเกิดจากการกระทำของมนุษย์ เนื่องจากโลกได้มีการเปลี่ยนสภาพอากาศมาแล้วนับไม่ถ้วน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลายแสนปี แต่ในปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์แทบทั้งหมดเชื่อว่า มนุษย์มีส่วนที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้นและกิจกรรมของมนุษย์มีส่วนเร่งให้เกิดปรากฎการณ์ดังกล่าวให้มีความรุนแรงกว่าที่ควรเป็นตามธรรมชาติ
กลไกของสภาวะโลกร้อน
ในสภาวะปกติ โลกเราจะได้รับพลังงานประมาณ 99.95% จากดวงอาทิตย์ในรูปของการแผ่รังสี พลังงานที่เหลือมาจากความร้อนใต้พิภพซึ่งหลงเหลือจากการก่อตัวของโลก ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์มาโลกเราสามารถรักษาสมดุลของพลังงานที่ได้รับอย่างดีเยี่ยม โดยมีการสะท้อนความร้อนและแผ่รังสีออกจากโลก ทำให้โลกมีสภาพอากาศที่เหมาะสมต่อสิ่งมีชีวิตหลากหลายในโลกนี้
กลไกหนึ่งที่ทำให้โลกเรารักษาพลังงานความร้อนไว้ได้ ได้แก่ ปรากฏการณ์เรือนกระจก (Greenhouse Effect) โดยโลกจะมีชั้นบางๆ ของแก๊สกลุ่มหนึ่ง เรียกว่า แก๊สเรือนกระจก (Greenhouse Gases) ที่ทำหน้าที่ดักและสะท้อนความร้อนที่โลกแผ่กลับไปออกไปในอวกาศให้กลับเข้าไปในโลกอีก หากไม่มีแก๊สกลุ่มนี้ โลกจะไม่สามารถเก็บพลังงานไว้ได้ และจะมีอุณหภูมิแปรปรวนในแต่ละวัน แก๊สกลุ่มนี้จึงทำหน้าที่เสมือนผ้าห่มบางๆ ที่คลุมโลกอยู่ในที่ที่หนาวเย็น
แต่ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา โลกเราได้มีการสะสมแก๊สเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศมากขึ้น เนื่องจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงต่างๆ ที่ใช้ในกิจกรรมประจำวัน การเพิ่มขึ้นของแก๊สเรือนกระจกทำให้โลกไม่สามารถแผ่ความร้อนออกไปได้อย่างที่เคย ความร้อนดังกล่าวถูกแก๊สเรือนกระจกสะท้อนกลับมายังโลก ส่งผลให้อุณหภูมิของโลกเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เสมือนกับโลกเรามีผ้าห่มที่หนาขึ้นนั่นเอง
ผลกระทบจากสภาวะโลกร้อน
แม้ว่าโดยเฉลี่ยแล้วอุณหภูมิของโลกจะเพิ่มขึ้นไม่มากนัก แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะส่งต่อเป็นทอดๆ และจะมีผลกระทบกับทั้งโลกในที่สุด ขณะนี้ผลกระทบเริ่มปรากฎให้เห็นแล้วทั่วโลก เช่น การละลายของน้ำแข็งทั่วทั้งโลก น้ำแข็งที่ละลายนี้จะเพิ่มปริมาณน้ำในมหาสมุทร ประกอบกับอุณหภูมิเฉลี่ยของน้ำสูงขึ้น น้ำก็จะมีการขยายตัวร่วมด้วย ทำให้ปริมาตรของน้ำในมหาสมุทรทั่วโลกเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นมาก ส่งผลให้เมืองสำคัญๆ ที่อยู่ริมมหาสมุทรตกอยู่ใต้ระดับน้ำทันที คาดการณ์ว่า หากน้ำแข็งดังกล่าวละลายหมดจะทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น 6-8 เมตรทีเดียว
ผลกระทบที่เริ่มเห็นได้อีกประการคือ การเกิดพายุหมุนที่มีความถึ่และความรุนแรงมากขึ้น เช่นพายุเฮอร์ริเคนที่พัดเข้าถล่มสหรัฐหลายลูกในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา แต่ละลูกสร้างความเสียหายในระดับหายนะทั้งสิ้น สาเหตุอาจอธิบายได้ในแง่พลังงาน กล่าวคือ พายุจะสะสมพลังงานจากพลังงานความร้อนที่อยู่ในมหาสมุทร เมื่อมหาสมุทรมีอุณหภูมิสูงขึ้น พลังงานที่พายุได้รับก็มากขึ้นไปด้วย ส่งผลให้พายุมีความรุนแรงกว่าเดิม
อีกทั้ง สภาวะโลกร้อนส่งผลให้บางบริเวณในโลกประสบกับสภาวะแห้งแล้งอย่างไม่เคยมีมาก่อน เช่น ขณะนี้ได้เกิดสภาวะแล้งในป่าอเมซอนซึ่งถือว่าเป็นปอดของโลก ภาวะนี้ยิ่งทำให้โลกร้อนรุนแรงขึ้นอีก เนื่องจากต้นไม้ในป่าซึ่งทำหน้าที่ดูดกลืนแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ล้มตายลงเนื่องจากขาดน้ำ นอกจากจะไม่ดูดกลืนแก๊สต่อไปแล้ว ยังปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาจากกระบวนการย่อยสลายด้วย
อะไรที่ทำให้เกิดสภาวะโลกร้อน
สภาวะโลกร้อนเกิดจากการที่มีแก๊สเรือนกระจกมากเกินไปในบรรยากาศ แก๊สเรือนกระจกตัวหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญ ได้แก่คาร์บอนไดออกไซด์ เป็นแก๊สที่มาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงเพื่อใช้พลังงาน ซึ่งมนุษย์เองเป็นผู้ปลดปล่อยแก๊สนี้ออกมาเป็นจำนวนมากเพื่อนำพลังงานมาใช้ ยิ่งมนุษย์ใช้พลังงานมากเท่าใด ก็ยิ่งได้แก๊สเรือนกระจกออกมามากเท่านั้น สรุปคือ สาเหตุที่ทำให้เกิดสภาวะโลกร้อน คือ มนุษย์
เราจะหยุดสภาวะโลกร้อนได้อย่างไร
เราคงไม่อาจหยุดยั้งสภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นในอนาคตได้ ถึงแม้ว่าเราจะหยุดผลิตแก๊สเรือนกระจกโดยสิ้นเชิง ทั้งนี้เพราะโลกเปรียบเสมือนเครื่องจักรขนาดใหญ่ ซึ่งมีกลไกเล็กๆ จำนวนมากทำงานประสานกัน การตอบสนองที่มีต่อการกระตุ้นต่างๆ จะต้องใช้เวลานานกว่าจะกลับเข้าสู่สภาวะสมดุล แต่เรายังสามารถบรรเทาผลอันร้ายแรงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตเพื่อให้ความรุนแรงลดลงและอาจจะชะลอปรากฏการณ์โลกร้อนให้ช้าลง สิ่งที่เราพอจะทำได้ตอนนี้คือ พยายามลดการผลิดแก๊สเรือนกระจกลง และเนื่องจากเราทราบว่า แก๊สนี้มาจากกระบวนการใช้พลังงาน การประหยัดพลังงานจึงเป็นแนวทางหนึ่งในการลดอัตราการเกิดสภาวะโลกร้อน
อ้างอิง: พงษ์ ทรงพงษ์, สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์. (2549). เอกสารประกอบกิจกรรมการระดมความคิดเชิงวิชาการเกี่ยวกับสภาวะโลกร้อน. ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ถ้าเรายังไม่ช่วยกันประหยัดพลังงาน คงอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้าเมืองใหญ่ใกล้มหาสมุทรอย่าง นิวยอร์ก และกรุงเทพฯ คงจมอยู่ใต้ทะเล
Saturday, September 16, 2006
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
2 comments:
อืมน่าสนใจมาก เราต้องช่วยกันลดใช้พลังงาน
ใช่ เราต้องช่วยกัน เพราะโลกของเรา แต่เราทำคนเดียวไม่ได้หรอกนะ ของอย่างนี้ต้องช่วยกัน เราต้องมาช่วยกันลดสภาวะโลกร้อนโดยการ ลดการใช้พลังงาน และใช้พลังงานอย่างประหยัดและรู้ค่ามากที่สุด
Post a Comment